ป้องกันปวดหลัง…ด้วยการปรับท่านั่งให้ถูกวิธี

bg object1bg object2

หลาย ๆ ท่านที่ทำงานออฟฟิศ และต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานชั่วโมง บางท่านเกือบจะทั้งวัน การนั่งอาจส่งผลต่อสุขภาพเช่น ปวดหลัง-ปวดเอว เป็นต้น

หลาย ๆ ท่านที่ทำงานออฟฟิศ และต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานชั่วโมง บางท่านเกือบจะทั้งวัน การนั่งอาจส่งผลต่อสุขภาพเช่น ปวดหลัง-ปวดเอว เป็นต้น

ซึ่งอาการปวดต่างๆ และการนั่งทำงานท่าเดิมนานจนเกินไป หรือการนั่งที่ไม่ถูกวิธี ย่อมส่งผลให้สุขภาพของท่านแย่ลงเรื่อย ๆ จนบางครั้งมีอาการปวดมากจะต้องพึ่งหมอเพื่อเข้ารับการรักษา แล้วจะมีประโยชน์อะไรเมื่อทำงานหาเงินได้แล้วจะต้องไว้จ่ายแต่ค่ารักษาพยาบาล วันนี้ เราจะมานำเสนอวิธีการนั่งทำงานให้ถูกวิธีกัน

 

 

แล้วจะต้องนั่งอย่างไรให้ถูกวิธี จึงจะทำให้ไม่ปวดหลัง 

 

– ความสูงของเก้าอี้ เหมาะสมกับระดับที่คุณวางคีย์บอร์ด (สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ) หรือโน้ตบุ๊ก หรือไม่ และสายตาของคุณอยู่ในระดับการมองหน้าจอหรือไม่ อาจจะต้องหาวัสดุรองหน้าจอให้สูงขึ้น หรือใช้เก้าอี้แบบที่ปรับระดับความสูงได้ 

 

– ที่หลังแนบกับพนักพิงหลังตรง ก้นนั่งให้ลึก ตำแหน่งที่ถูกต้องของหลังคือนั่งให้หลังตรง แนบไปกับพนักพิง ไม่โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อก้มมองจอคอมพิวเตอร์ เพราะการงอหลัง และก้มหน้าก่อให้เกิดอาการตึงที่ช่วงหลัง การหายใจไม่สะดวก นั่งไปนานๆ จะทำให้เมื่อย เหนื่อย อึดอัด หากฐานนั่งเก้าอี้กว้างมาก แนะนำให้หาหมอนมาหนุนรับส่วนโค้งบริเวณหลังส่วนล่าง เพื่อขยับลำตัวและหลังให้ตั้งตรงโดยที่ขาไม่ลอยจากเก้าอี้ 

 

– การวางขาของคุณเป็นอย่างไร วางแบบเขย่ง หรือวางแบบปกติ การวางเข่าเป็นอย่างไร หรือถ้ายกเก้าอี้สูง การวางขาอาจจะต้องหาวัสดุเพื่อรองขาอีกที ซึ่งขาดท่อนบนกับท่อนล่างประมาณ 90 องศา ขาถึงพื้นแนบสนิท ไม่เขย่ง 

 

– การวางแขนเป็นอย่างไร เก้าอี้บางรุ่นวางแขนได้ ลองปรับระดับเก้าอี้ให้เหมาะสมกับโต๊ะ ซึ่งควรวางแขนท่อนบนกับข้อศอกประมาณ 90 องศา 

 

– การวางข้อมือเป็นอย่างไร หากใช้คีย์บอร์ด อาจจะมีหมอนหรือวัสดุยางที่รองข้อมืออีกที และควรจะวางแขนในระดับที่บ่าและหลังสบายที่สุด ให้ส่วนของข้อมือกับข้อศอกอยู่ในแนวเส้นตรง ทำมุม 90 องศากับไหล่ เพื่อผ่อนคลายหัวไหล่ ช่วยให้ไหล่ไม่ตก หลังไม่งออีกด้วย และการเอาหมอนอิงวางบนพนักพิงเก้าอี้ อาจจะไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณ 

 

– การวางขา อย่าเอาขาห้อยลงไปใต้เก้าอี้ 

 

– ตำแหน่งที่ถูกต้องของสายตาคือให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือทำมุมประมาณ 10 องศา โดยไม่รูสึกว่าต้องเงยหน้าขึ้น หรือก้มหน้าลงในการมองหน้าจอ เพื่อลดอาการตึง เกร็งบริเวณกล้ามเนื้อบ่าและคอ ลดอาการเมื่อยล้าบริเวณลำคอ ต้นคอ หากจอคอมไม่สามารถปรับระดับได้ แนะนำให้หาหนังสือมาหนุนเพื่อเพิ่มระดับความสูงของจอคอมพิวเตอร์ให้พอดีกับสายตาพยายามพักสายตาจากคอมพิวเตอร์และลุกขึ้นเพื่อเปลี่ยนอิริยาบทบ้าง อย่างน้อย 1 ชม.ต้องลุกขึ้นมายืดเส้นยึดสายบ้าง และพักสายตาด้วย 

 

 

ข้อแนะนำ 

 

1. พยายามอย่านั่งตัวตรง (ตรงเกินไป) ควรนั่งตัวตรงแบบสบายๆ ผ่อนคลายตามธรรมชาติ 

 

2. อย่าจ้องสายตาไปที่หน้าจอตลอดเวลา พยายามพักสายตาบ้าง 

 

3. บางคนอยากประหยัดไฟ โดยเฉพาะโน้ตบุ๊ก เชื่อหรือไม่ว่า ความเชื่อที่คุณลดความสว่างหน้าจอลงเพื่อประหยัดแบต กลับทำให้คุณเพ่งหน้าจอมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว 

 

4. หากต้องใช้สมาธิอ่านหน้าจอนานๆ อย่าจ้องหน้าจอโดยการโน้มคอหรือก้มลงไป เพราะเป็นสาเหตุให้ปวดคอ, บ่า, ไหล่ได้ 

 

5. อย่ายกไหล่หรือยักไหล่ในขณะที่คลิกเม้าส์ 

 

การนั่งทำงานเป็นเวลานาน นอกจะทำให้เมื่อย ยังส่งผลต่อสุขภาพของเราในหลายๆ ด้าน อีกทั้งยังเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคต่างๆที่ไม่คาดฝัน ตามมา เหตุนี้ถ้าไม่อยากเจ็บป่วยจากการนั่งทำงานนานๆ ควรจะปรับเปลี่ยนวิธีการนั่งทำงาน และควรพักสายตา พักสมอง ตามสมควร นอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายแล้ว อาจจะทำให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วยเพราะไม่ได้เจ็บป่วยจากการนั่งทำงานนานๆ 

 

 

 

ขอบคุณที่มาของบทความ : kaijeaw.com 

เรียบเรียงโดย wichairut 

อ่านเพิ่มเติม

Share Iconแชร์
Facebook Icon
Line Icon

บริการที่เกี่ยวข้อง

PSCD

PSCD

อาการปวดคอร้าวลงแขน เกิดขึ้นเมื่อเส้นประสาทในบริเวณคอถูกกดทับ ทำให้เกิดความเจ็บปวดร้าวไปยังแขน ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอกดทับเส้นประสาท พบว่ามีอายุน้อยลงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเช่น การใช้คอมพิวเตอร์ หรือการก้มดูโทรศัพท์มือถือในท่าเดิมเป็นเวลานาน การนั่งท่าที่ไม่ถูกต้อง และการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ  
PSLD

PSLD

อาการปวดหลังร้าวลงขา เกิดจากการกดทับเส้นประสาทในบริเวณหลังส่วนล่าง ทำให้เกิดความเจ็บปวดที่ร้าวไปยังขา มักพบมากในวัยทำงาน ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีพฤติกรรมที่ส่งผลให้กระดูกสันหลังเกิดการเสื่อม เช่น การนั่ง หรือยืนในท่าเดิมนานเกินไป การยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้อง ประสบอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อกระดูกสันหลัง และการใช้ร่างกายที่มีแรงกระแทกสูง  
LASER

LASER

โรคหมอนรองกระดูกปลิ้น (Herniated Disc) คือภาวะที่ หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติและอาจกดทับเส้นประสาท พบบ่อยบริเวณ กระดูกสันหลังส่วนเอว (L4-L5, L5-S1) เกิดจากการเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกจากอายุที่มากขึ้น การนั่งนานๆ  ยกของหนักผิดท่า หรือ อุบัติเหตุ  
Full Endo TLIF

Full Endo TLIF

โรคกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือ Spondylolisthesis เกิดจากกระดูกสันหลังข้อใดข้อหนึ่ง เลื่อนออกจากแนวกระดูกปกติไปทางด้านหน้า มักเกิดที่กระดูกสันหลังส่วนล่าง โดยเฉพาะบริเวณ L5-S1  พบบ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมสภาพ ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังอ่อนแอลงและเกิดการเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิม  
Endoscopic ACDF

Endoscopic ACDF

การผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอ เป็นวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่มีภาวะหมอนรองกระดูกคอเสื่อมรุนแรง หรือ ได้หมอนรองกระดูกสันหลังได้รับความเสียหาย จนสูญเสียความสามารถในการรองรับแรงกระแทก หรือ ปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาท จนมีอาการปวดร้าวลงแขนและมือ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน    
ฉีด Cement

ฉีด Cement

กระดูกสันหลังแตก หัก ยุบ เป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลังอย่างรุนแรง มักเกิดขึ้นจากการเสื่อมของกระดูก  และ อุบัติเหตุ หรือ การบาดเจ็บที่รุนแรง ทำให้เกิดความเจ็บปวดและมีผลต่อการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างมาก  พบในคนไข้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีภาวะกระดูกพรุนร่วมด้วย  
ฉีดยาบล็อกเส้นประสาท SNRB

ฉีดยาบล็อกเส้นประสาท SNRB

ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังจากการอักเสบของโพรงประสาทและรากประสาท ซึ่งอาจเกิดจาก หมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท หรือข้อต่อกระดูกสันหลังอักเสบ ส่งผลให้ปวดร้าวไปตามแนวเส้นประสาทแต่ยังไม่รุนแรง การฉีดยาเข้าโพรงประสาท (SNRB)  เป็นทางเลือกที่ช่วย ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้  
Icon

ปรึกษาทีมงาน

ผู้เชี่ยวชาญตอนนี้

โทรเลย

Call Icon02-034-0808
โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ | S Spine & Joint Hospital

เลขที่ 2102/9 อาคาร A ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

โทร : 02-034-0808
Facebook IconLine IconTiktok IconYoutube IconInstagram Icon

Copyright © 2025 S Spine and Joint Hospital. All right reserved