"อาการปวดหลอกหลอนมา 10 ปี มาที่นี่คืนเดียวหาย"

คำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกของคุณบังอร ที่ถ่ายทอดความทรมานจากอาการปวดคอที่ตามหลอกหลอนเธอมาเกือบ 10 ปี อาการปวดคอที่ไม่เคยคิดว่าจะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ชีวิตต้องหยุดชะงักไปอย่างยาวนาน

จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด

คุณบังอร เริ่มมีปวดคอ ตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน จากอาชีพที่ต้องขับรถและสัมผัสกับแรงกระแทกอยู่ตลอดเวลา “พอเริ่มปวดมันเป็นแค่เล็กน้อย ตอนแรกก็นึกว่าคือกล้ามเนื้อที่เครียดธรรมดา ก็ไปทานยาหรือทำกายภาพ แล้วก็ทนกับมันมานาน”

เธอบอกด้วยสีหน้าและแววตาที่สะท้อนถึงความคิดในช่วงเวลานั้น ว่าอาการปวดแค่เล็กน้อย ไม่ได้คิดว่าจะต้องหนักหนาอะไร

แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการปวดกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่เธอเริ่มมีอาการเวียนหัว อาเจียน และปวดคอจนทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันไม่ได้ “อาเจียนแล้วก็ปวด ปวดตรงนี้ ปวดในนี้ ปวดที่แบบที่เราอธิบายให้ใครไม่ได้ว่า มันปวดลึกขนาดไหน”

คุณบังอรเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความทรมานจากการใช้ชีวิตที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดได้

📚 ปวดต้นคอท้ายทอยจุดเริ่มต้นกระดูกคอเสื่อม

📚 4 โรคฮิตของคน “ปวดคอ” รู้ก่อนป้องกันได้

ความท้อแท้กับการรักษาที่ไม่ตรงจุด

“ฝังเข็มก็แล้ว ทานยาก็แล้ว มันก็แค่ดีขึ้นช่วงแรก แต่พอหยุดไปก็กลับมาเหมือนเดิม” เธอเริ่มรู้สึกว่าการรักษาที่ทำมาทุกวิธีไม่สามารถรักษาอาการปวดคอที่ต้นเหตุได้ เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้ผล และไม่อยากให้เป็นภาระใคร เธอจึงตัดสินใจหาวิธีการรักษาที่ตรงจุด และได้คำแนะนำจากคนที่เคยรักษาที่โรงพยาบาลเอส สไปน์

การรักษาที่ตรงจุดและความแตกต่างที่ชัดเจน

คุณบังอร ได้รับการวินิจฉัยว่าอาการปวดที่เกิดขึ้นมาจากหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดคอร้าวลงแขนและสะบัก แพทย์แนะนำให้ทำการผ่าตัดส่องกล้องเพื่อแก้ไขปัญหา

"หลังจากการผ่าตัดเสร็จไม่นาน มันหายไปหมดเลย ดีใจอยากจะกระโดดเลย มันเหมือนหลุดออกไปจากตัวเราเลย รู้สึกดีมากๆ" คุณบังอร กล่าวด้วยรอยยิ้มที่สะท้อนถึงความดีใจจนลืมตัวว่าพึ่งผ่าตัดได้ไม่นาน เธอสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดที่เคยมีในรอบหลายปี

📚 MRI แบบยืน ค้นหาสาเหตุของคนปวดหลัง

📚 หยุดทรมานจากโรคหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท ด้วยเทคนิค PSCD

กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

ไม่ใช่แค่คุณบังอร ที่มีความสุขที่ได้ชีวิตใหม่กลับมา แต่ครอบครัว คือ กำลังใจสำคัญที่ทำให้เธอลุกขึ้นมาต่อสู้กับโรคนี้อีกครั้ง "โทรไปหาที่บ้าน บอกว่า 'หนูรอดแล้วนะ พ่อกับแม่รอหนูกลับไปนะ'"

ความรู้สึกของเธอหลังจากที่ชีวิตกลับมาปกติอีกครั้งเป็นสิ่งที่หาจากที่ไหนไม่ได้ กับการรักษาครั้งนี้ที่เธอคิดว่ามันคุ้มค่ากับชีวิตเธอมาก เพราะทำให้เธอได้กลับไปใช้ช่วงเวลาอันอบอุ่นกับครอบครัวที่เธอรักอีกครั้ง

ขอบคุณที่ให้เราโรงพยาบาล S Spine & Joint ได้เป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูสุขภาพ และสร้างความสุขกลับมาสู่ครอบครัวของคุณบังอร อีกคร้้งนะครับ