ฝุ่นพิษ PM 2.5 วิกฤตร้าย ที่คนไทย…ไม่ใส่ใจและมองข้าม

bg object1bg object2

ท่ามกลางหมอกควันที่ส่งผลกระทบกับร่างกายของเราในทุกวันนี้ จนเป็นภัยร้ายใกล้ตัวเราและกำลังหนักข้อขึ้นทุกวัน ซ้ำร้ายยังสามารถเข้าสู่จมูก ปอด และหลอดเลือดได้โดยตรง

ท่ามกลางหมอกควันที่ส่งผลกระทบกับร่างกายของเราในทุกวันนี้ จนเป็นภัยร้ายใกล้ตัวเราและกำลังหนักข้อขึ้นทุกวัน ซ้ำร้ายยังสามารถเข้าสู่จมูก ปอด และหลอดเลือดได้โดยตรง

 

ฝุ่น PM 2.5 กำลังคุกคามหลายพื้นที่ในเมืองไทย ฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร หากนึกไม่ออกว่า เล็กขนาดไหน คงต้องบอกว่า “เล็กกว่าเส้นผมของคนเรา” และมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

 

จากสถิติปีก่อน ค่าฝุ่นพิษอยู่ที่ 179 ปีนี้ พุ่งขึ้นมาเป็น 191 สะท้อนสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ และกำลังจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตขั้นสุด

 

ที่มา : Air Visual

image1

“กรุงเทพฯ” เมืองหลวง ที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดติดอันดับ 2 ของโลก จากข้อมูลของแอปพลิเคชั่น “Air Visual” ระบุไว้ว่า ค่ามลพิษทางอากาศของกรุงเทพฯ อยู่ที่ 179 AQI (Air Quality Index) ซึ่งถือเป็นค่าความสูง “ระดับที่ 4” หรือ “ระดับไม่ดีต่อสุขภาพ” จากทั้งหมด 6 ระดับ 

 

 

 

รู้หรือไม่สนใจป้องกัน? 

 

ยังเป็นคำถามที่ลอยอยู่ในอากาศ เพราะในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เชียงใหม่ก็ติดอันดับ “คุณภาพอากาศยอดแย่ของโลก” อีกครั้ง คือ อยู่ที่ อันดับ 4 ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีสภาพอากาศแย่อยู่ โดยปีนี้ ระดับคุณภาพอากาศสูงสุดอยู่ที่ 191 AQI 

 

ตัวเลขดังกล่าว ถือได้ว่าแทบจะทะลุปรอทของระดับความสูงระดับ 4 ไปสู่ระดับ 5 (201 – 300 AQI) ซึ่งถือเป็นระดับ “ไม่ดีต่อสุขภาพมาก” แต่ยังไม่ถึงระดับ 6 (300 – 500 AQI) หรือระดับอันตราย ตามข้อมูลการวัดคุณภาพทางอากาศ 

 

ชี้ให้เห็นปัญหาสภาพอากาศสุดย่ำแย่ของเมืองไทย ซึ่งปีนี้แย่ลงยิ่งกว่าเดิมอีก แต่แทนที่ประชาชนจะตื่นตัวกับเรื่องนี้ด้วยการสวมหน้ากาก กลายเป็นว่ากลับเพิกเฉย ไม่ค่อยสนใจป้องกันตัวเองเหมือนปีที่ผ่านมา สะท้อนว่าประชาชนอาจเริ่มชินชากับการใช้ชีวิตร่วมกับฝุ่นแล้ว สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝุ่นพิษในกรุงเทพฯ นั้น อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้วิเคราะห์ผ่าน เฟซบุ๊ก “Sonthi Kotchawat” เอาไว้ว่า น่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนถ่าย จากฤดูหนาวสู่ฤดูร้อน ซึ่งก็คือช่วง ม.ค. – มี.ค.ของทุกปี ซึ่งมลพิษทางอากาศจะไม่ลอยตัว และลมจะค่อนข้างสงบ ส่งให้ฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นปัญหาที่ฟุ้งขึ้นมาอีก 

 

 

 

ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ มีปริมาณสูงมาจากแหล่งกำเนิดที่สำคัญคือ จำนวนรถยนต์ประมาณ 10.3 ล้านคัน โดยเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลถึง 2.7 ล้านคัน ที่วิ่งและติดขัดอยู่บนถนนเกือบตลอดทั้งวัน จึงปล่อยมลพิษทางอากาศออกมามาก 

 

ประกอบกับมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า ถึง 6 โครงการบนถนน 10 เส้นทางหลัก ยิ่งทำให้การจราจรติดหนักมากยิ่งขึ้น 

 

ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ ก่อให้เกิดโรคที่เกิดจากฝุ่นละออง เช่น 

 

• โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง 

• โรคภูมิแพ้ 

• โรคหอบหืด 

• โรคถุงลมโป่งพอง 

 

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรตระหนักและหันมาใส่ใจดูแลตัวเองและคนรอบข้าง 

 

แผลเล็ก เสียเลือดน้อย

ไม่ต้องผ่าตัดแบบเปิดใช้เข็มขนาดเล็ก 1 มิลลิเมตร เจาะเข้าสู่บริเวณที่มีปัญหาทำให้แผลมีขนาดเล็กมาก เสียเลือดน้อย

Call Icon02-034-0808

วิธีรับมือ “ฝุ่นพิษ PM 2.5” ที่คุณต้องรู้ 

 

1. สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 

 

“อย่าอาย” การสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นเพราะหน้ากากเหล่านี้ช่วยเราได้มาก โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยชนิด N95 ที่ช่วยดูแลว่าป้องกันมลพิษได้ หรือถ้าหาหน้ากาก N95 ไม่ได้ หรือมีงบน้อย จะใช้หน้ากากอนามัยสวมด้วยกระดาษทิชชู่ก็ได้ 

 

2. นอนหลับให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 

 

การนอนหลับช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง พร้อมสู้ทุกสถานการณ์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอาหารเสริมอย่าง วิตามินซี และ วิตามินอี ร่วมด้วย 

second image

3.ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมนอกอาคาร 

 

เลี่ยงการออกกลางแจ้งเพื่อความปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 ถึงจะสวมหน้ากากวิ่งหรือออกกำลังก็ไม่ควร เพราะจะทำให้หายใจลำบากและมีอันตรายต่อร่างกายอย่างแรง 

 

4 . ติดตามข่าวสารฝุ่น PM 2.5 อย่างใกล้ชิด 

 

ควรติดตามข่าวสารเป็นประจำตามเว็บไซต์ข่าว และใช้แอปพลิเคชัน เช็คมลพิษทางอากาศให้เป็นประโยชน์ เช่น 

• AirVisual Air Quality Forecast (ดาวน์โหลด Andriod, iOS) 

• Air4Thai (ดาวน์โหลด Andriod, iOS) 

• Plume Air Report App (ดาวน์โหลด Andriod, iOS) 

 

5. หากเกิดความผิดปกติกับร่างกาย ควรพบแพทย์ 

 

ถ้าเกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ หายใจติดขัด หายใจไม่อิ่ม แน่นๆ หน้าอก ปวดหน้าอก หรือเกิดผื่นขึ้นตามร่างกาย ควรเดินทางไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการโดยด่วน 

 

 

ด้วยความปรารถนาดีจาก รพ.เอส สไปน์ แอนด์เนิร์ฟ 

 

 

ที่มา :

mgronline.com/live/detail/9630000004773 

komchadluek.net/news/regional/391063 

frank.co.th/blog/ไลฟ์สไตล์/วิธีรับมือฝุ่นพิษ 

 

อ่านเพิ่มเติม

Share Iconแชร์
Facebook Icon
Line Icon

บริการที่เกี่ยวข้อง

PSCD

PSCD

อาการปวดคอร้าวลงแขน เกิดขึ้นเมื่อเส้นประสาทในบริเวณคอถูกกดทับ ทำให้เกิดความเจ็บปวดร้าวไปยังแขน ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอกดทับเส้นประสาท พบว่ามีอายุน้อยลงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเช่น การใช้คอมพิวเตอร์ หรือการก้มดูโทรศัพท์มือถือในท่าเดิมเป็นเวลานาน การนั่งท่าที่ไม่ถูกต้อง และการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ  
PSLD

PSLD

อาการปวดหลังร้าวลงขา เกิดจากการกดทับเส้นประสาทในบริเวณหลังส่วนล่าง ทำให้เกิดความเจ็บปวดที่ร้าวไปยังขา มักพบมากในวัยทำงาน ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีพฤติกรรมที่ส่งผลให้กระดูกสันหลังเกิดการเสื่อม เช่น การนั่ง หรือยืนในท่าเดิมนานเกินไป การยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้อง ประสบอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อกระดูกสันหลัง และการใช้ร่างกายที่มีแรงกระแทกสูง  
LASER

LASER

โรคหมอนรองกระดูกปลิ้น (Herniated Disc) คือภาวะที่ หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติและอาจกดทับเส้นประสาท พบบ่อยบริเวณ กระดูกสันหลังส่วนเอว (L4-L5, L5-S1) เกิดจากการเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกจากอายุที่มากขึ้น การนั่งนานๆ  ยกของหนักผิดท่า หรือ อุบัติเหตุ  
Full Endo TLIF

Full Endo TLIF

โรคกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือ Spondylolisthesis เกิดจากกระดูกสันหลังข้อใดข้อหนึ่ง เลื่อนออกจากแนวกระดูกปกติไปทางด้านหน้า มักเกิดที่กระดูกสันหลังส่วนล่าง โดยเฉพาะบริเวณ L5-S1  พบบ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมสภาพ ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังอ่อนแอลงและเกิดการเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิม  
Endoscopic ACDF

Endoscopic ACDF

การผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอ เป็นวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่มีภาวะหมอนรองกระดูกคอเสื่อมรุนแรง หรือ ได้หมอนรองกระดูกสันหลังได้รับความเสียหาย จนสูญเสียความสามารถในการรองรับแรงกระแทก หรือ ปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาท จนมีอาการปวดร้าวลงแขนและมือ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน    
ฉีด Cement

ฉีด Cement

กระดูกสันหลังแตก หัก ยุบ เป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลังอย่างรุนแรง มักเกิดขึ้นจากการเสื่อมของกระดูก  และ อุบัติเหตุ หรือ การบาดเจ็บที่รุนแรง ทำให้เกิดความเจ็บปวดและมีผลต่อการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างมาก  พบในคนไข้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีภาวะกระดูกพรุนร่วมด้วย  
ฉีดยาบล็อกเส้นประสาท SNRB

ฉีดยาบล็อกเส้นประสาท SNRB

ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังจากการอักเสบของโพรงประสาทและรากประสาท ซึ่งอาจเกิดจาก หมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท หรือข้อต่อกระดูกสันหลังอักเสบ ส่งผลให้ปวดร้าวไปตามแนวเส้นประสาทแต่ยังไม่รุนแรง การฉีดยาเข้าโพรงประสาท (SNRB)  เป็นทางเลือกที่ช่วย ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้  
Icon

ปรึกษาทีมงาน

ผู้เชี่ยวชาญตอนนี้

โทรเลย

Call Icon02-034-0808
โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ | S Spine & Joint Hospital

เลขที่ 2102/9 อาคาร A ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

โทร : 02-034-0808
Facebook IconLine IconTiktok IconYoutube IconInstagram Icon

Copyright © 2025 S Spine and Joint Hospital. All right reserved