ยิ่งก้ม ยิ่งเสี่ยงปวดคอเรื้อรัง (Text Neck Syndrome)


ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา คนทั่วโลกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยหันมาใช้โทรศัพท์มือถือในการเช็คข้อมูลข่าวสาร ซื้อของ หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์กันแทบจะทุกวินาที
ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา คนทั่วโลกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยหันมาใช้โทรศัพท์มือถือในการเช็คข้อมูลข่าวสาร ซื้อของ หรือทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์กันแทบจะทุกวินาที
เมื่อมีการใช้งานเป็นจำนวนมากและใช้เวลานาน ทำให้เกิดภาวะเสี่ยงที่จะเกิดอาการต่างๆ ของโรคที่เกี่ยวกับการใช้งานโทรศัพท์นานๆ หนึ่งในนั้นก็คืออาการของโรค Text Neck Syndrome หรือโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทส่วนคอ
แล้วคนไทยติดสมาร์ตโฟนมากแค่ไหน?
จากการรายงานเกี่ยวกับดิจิทัลของประเทศไทย เมื่อเดือนมกราคม ปี 2020 โดย Hootsuite แพลตฟอร์มด้านการจัดการโซเชียลมีเดีย ระบุว่า คนไทยประมาณ 69.71 ล้านคน ใช้โทรศัพท์มือถือ 93.39 ล้านหมายเลข (ร้อยละ 134 – คิดจากซิมที่มีผู้ลงทะเบียน) และ 52 ล้านคน (ร้อยละ 75) ใช้อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ

จากตัวเลขข้างต้นพบว่า ประชากรในประเทศไทยมีพฤติกรรมใช้สมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน ซึ่งอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของอาการปวดคอเรื้อรัง ที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรค Text Neck Syndrome เนื่องจากต้องก้มหน้าพิมพ์ข้อความแชต และใช้สมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน บางรายอาจมีอาการปวดคอร้าวลงแขนร่วมด้วย
ความเสี่ยงจากการเป็น Text Neck Syndrome
จากรายงานของสถาบันเทคโนโลยีการผ่าตัดนานาชาติ (Surgical Technology International) ระบุว่า กระดูกสันหลังของผู้ใช้สมาร์ตโฟนต้องรับแรงกดจากการก้มหน้าเล่นสมาร์ตโฟนมากถึง 1,000 – 1,400 ชั่วโมงต่อปี ศีรษะของมนุษย์มีน้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัม แต่การก้มหน้าทำให้ตำแหน่งของศีรษะเคลื่อนไปข้างหน้า ยิ่งก้มมากเท่าไหร่ คอยิ่งต้องรับน้ำหนักมากขึ้น โดยการก้มหน้าลงทุกๆ 15 องศา จะทำให้คอและหลังต้องรับน้ำหนักมากขึ้นสูงสุดถึง 27 กิโลกรัม และแสดงออกด้วยอาการปวดคอ หากไม่ได้รับการรักษา อาจกลายเป็นอาการปวดคอเรื้อรัง
ในผู้ป่วยบางรายจะมีอาการปวดคอร้าวลงแขน ชา หรือปวดร้าวจากคอไปยังมือ หรือมีอาการอ่อนแรงของแขนและมือ เนื่องจากการกดทับของเส้นประสาทส่วนคอ ซึ่งเกิดจากหมอนรองกระดูกที่ต้องรับน้ำหนักจากความดันภายในข้อกระดูก สาเหตุจากการก้มหน้าเป็นเวลานาน
- ถ้าก้มหน้า 30 องศา คอรับน้ำหนักเพิ่มเป็น 18 กิโลกรัม
- ถ้าก้มหน้า 45 องศา คอรับน้ำหนัก 22 กิโลกรัม
- ถ้าก้มหน้า 60 องศา คอรับน้ำหนัก 27 กิโลกรัม

วิธีการป้องกันอาการปวดคอเรื้อรัง
การป้องกันโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทส่วนคอ หรือ Text Neck Syndrome สามารถทำได้โดยการปรับลักษณะนิสัยในการใช้สมาร์ตโฟน ไม่ว่าจะเป็นท่าทางในการใช้งานหรือระยะเวลาที่ใช้งาน โดยควรให้ท่าทางของคออยู่ในแนวตรงมากที่สุด ไม่ก้มหลัง ไม่ห่อไหล่ และควรพักเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ หากใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
การรักษาอาการ Text Neck Syndrome การรักษาอาการแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1.กายภาพบำบัด: เช่น การคลายกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อ การสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ และการปรับท่าทางของร่างกายให้อยู่ในอิริยาบถที่เหมาะสม
2.การใช้ยา: เพื่อลดการอักเสบ และคลายกล้ามเนื้อ สามารถช่วยลดอาการปวดคอได้
3.การผ่าตัด: สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจนถึงมีการเสื่อมของกระดูก หรือหมอนรองกระดูกคอ ร่วมกับการกดทับไขสันหลังหรือรากประสาท อาจจะต้องพิจารณาถึงการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดส่องกล้องหรือการผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์
การผ่าตัดบริเวณกระดูกคอในปัจจุบันสามารถทำได้โดยการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery (MIS) หรือการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่เจ็บตัวน้อย ผู้ป่วยไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน และลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บของเส้นประสาทได้มาก ช่วยให้แพทย์ทำการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น ผลลัพธ์ของการผ่าตัดมีประสิทธิภาพสูง และการฟื้นตัวของผู้ป่วยเร็วกว่าการผ่าตัดแบบทั่วไป
หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ใช้สมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ คุณกำลังเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรค Text Neck Syndrome อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรม พักสายตาจากหน้าจอ และเตือนตัวเองให้ใช้สมาร์ตโฟนอย่างพอดี จะทำให้คุณห่างไกลจากอาการปวดคอและโรคนี้ได้ หรือหากมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น แนะนำให้เข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาท เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและหายจากอาการปวดคอและหลังอย่างยั่งยืน
โรงพยาบาล เอส สไปน์
S SPINE – SPINE EXPERT
แผลเล็ก เสียเลือดน้อย
ไม่ต้องผ่าตัดแบบเปิดใช้เข็มขนาดเล็ก 1 มิลลิเมตร เจาะเข้าสู่บริเวณที่มีปัญหาทำให้แผลมีขนาดเล็กมาก เสียเลือดน้อย
02-034-0808
แชร์