พฤติกรรมเสี่ยง “นิ้วล็อก” ที่คนทำงานมักมองข้าม

bg object1bg object2

อาการ “นิ้วคลิก” หรือ “ดีดกลับ” ระหว่างใช้งานมือ อาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด เพราะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ “นิ้วล็อก” (Trigger Finger) ภาวะที่เกิดจากเส้นเอ็นบริเวณนิ้วมืออักเสบจนขยับได้ยาก

อาการ “นิ้วคลิก” หรือ “ดีดกลับ” ระหว่างใช้งานมือ อาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด เพราะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ “นิ้วล็อก” (Trigger Finger) ภาวะที่เกิดจากเส้นเอ็นบริเวณนิ้วมืออักเสบจนขยับได้ยาก

หลายคนรู้ว่าเกิดจากการ “ใช้มือหนัก” แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ — แค่พฤติกรรมเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ก็เพียงพอให้เกิดนิ้วล็อกได้โดยไม่รู้ตัว

 

นิ้วล็อกเกิดจากอะไร?

 

นิ้วล็อก เกิดจากการอักเสบของ “ปลอกเอ็นงอนิ้ว” เมื่อปลอกเอ็นหนาตัวจนช่องทางเส้นเอ็นแคบลง นิ้วจึง “ติด” หรือ “สะดุด” เวลาขยับ

โดยเฉพาะบริเวณโคนนิ้วมือที่มีการใช้งานบ่อยที่สุด

 

 

📚นิ้วล็อก รักษาได้ไม่ต้องผ่าตัด แค่รู้ว่าอยู่ระยะไหน

 

 

💡 พฤติกรรมที่เสี่ยงทำให้เกิดนิ้วล็อก

 

เคยรู้สึกไหมว่านิ้วมือฝืด งอไม่สะดวก หรือมีเสียง "กึก" เวลาขยับนิ้ว โดยเฉพาะเมื่อตื่นนอน? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะนิ้วล็อก ซึ่งเกิดจากการทำงานของนิ้วมือที่ไม่ราบรื่นเหมือนเดิม

 

หลายคนไม่รู้ว่าพฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่าง ก็เป็นตัวกระตุ้นได้โดยไม่รู้ตัว มาดูกันว่า 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่ควรระวังมีอะไรบ้าง 

 

1️⃣ ใช้มือถือหรือพิมพ์คีย์บอร์ดตลอดวัน

การขยับนิ้วซ้ำ ๆ เช่น พิมพ์งาน พิมพ์แชต หรือเล่นมือถือโดยไม่พัก ทำให้เส้นเอ็นและปลอกเอ็นเสียดสีกันตลอดเวลา จนเกิดการอักเสบเรื้อรัง

💡 คำแนะนำ: พักมือทุก 30 นาที และยืดนิ้ว 3–5 ครั้งต่อชั่วโมง

 

2️⃣ จับเมาส์หรือใช้เมาส์ผิดท่า

การวางข้อมือในท่าผิด ทำให้เกิดแรงกดต่อปลอกเอ็นนิ้วอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานคอมพิวเตอร์ตลอดวัน

💡 คำแนะนำ: ใช้เมาส์ขนาดพอดีมือ และปรับโต๊ะ–เก้าอี้ให้ระดับข้อมือขนานกับพื้น

 

3️⃣ จับของหนักหรือถือของเป็นเวลานาน

แรงบีบหรือกำของแน่นซ้ำ ๆ เช่น ถือถุงของหนัก ยกของ หรือทำงานบ้าน จะเพิ่มแรงต้านบริเวณปลอกเอ็นและโคนนิ้วมือ

💡 คำแนะนำ: สลับมือถือของ พักระหว่างทำงานบ้าน และหลีกเลี่ยงการกำแน่นเกินไป

 

 

 

 

4️⃣ ใช้มือในท่าซ้ำ ๆ เช่น งานช่าง งานเย็บ งานครัว

การใช้ท่ามือแบบเดิมนาน ๆ ทำให้เส้นเอ็นอักเสบเรื้อรัง เช่น จับกรรไกร เย็บผ้า หรือใช้มีดทำครัว

💡 คำแนะนำ: สลับกิจกรรมบ่อย ๆ และทำท่ายืดนิ้วก่อน–หลังใช้งานมือ

 

5️⃣ ใช้แรงมากเกินจำเป็นขณะออกกำลังกายหรือเล่นดนตรี

การกำอุปกรณ์แน่นเกินไป เช่น ดัมเบล หรือไม้เทนนิส รวมถึงนักดนตรีที่ใช้นิ้วซ้ำ ๆ อาจเกิดนิ้วล็อกได้เช่นกัน

💡 คำแนะนำ: ยืดกล้ามเนื้อมือก่อนออกกำลังกาย และไม่ออกแรงกำของแน่นเกินไป

 

 

แล้วถ้าเริ่มรู้สึกสะดุด ควรทำอย่างไร

 

หากนิ้วเริ่ม “คลิก” หรือเจ็บโคนนิ้วตอนเช้า อย่าปล่อยให้เรื้อรัง เพราะอาจพัฒนาเป็นนิ้วล็อกระยะปานกลางได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ พักการใช้งานมือ และพบแพทย์

เฉพาะทางมือเพื่อตรวจวินิจฉัย เนื่องจากการรักษาในระยะต้นมักหายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

 

“นิ้วล็อกไม่เกิดขึ้นทันที แต่ค่อย ๆ พัฒนาจากพฤติกรรมซ้ำ ๆ ในชีวิตประจำวัน เพียงเริ่มสังเกตอาการ และปรับการใช้งานมือให้ถูกวิธี คุณก็สามารถป้องกัน

นิ้วล็อกได้ตั้งแต่วันนี้”

 

โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ

ปวดหลัง ปวดข้อ โทรเลย

Call Icon02 034 0808

โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ

ปวดหลัง ปวดข้อ โทรเลย

Call Icon02 034 0808

อ่านเพิ่มเติม

Share Iconแชร์
Facebook Icon
Line Icon

บริการที่เกี่ยวข้อง

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (TKA)

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (TKA)

ผู้ป่วยที่มีข้อเข่าเสื่อมรุนแรง และมีอาการปวดเรื้องรังจนเคลื่อนไหวลำบาก กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เพื่อฟื้นฟูการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA)

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA)

ผู้ป่วยที่มีข้อเข่าเสื่อมในบางส่วน และมีอาการปวดเรื้องรัง บริเวณด้านในหรือด้านนอกข้อเข่า แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเฉพาะส่วนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อฟื้นฟูการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น   
ซ่อมแซมหมอนรองกระดูกข้อเข่า (Meniscus Repair)

ซ่อมแซมหมอนรองกระดูกข้อเข่า (Meniscus Repair)

การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บที่หมอนรองกระดูกข้อเข่า ซึ่งอาจเกิดจากการหกล้ม หรือการใช้งานข้อเข่าในลักษณะซ้ำๆ จนเกิดการฉีกขาด การซ่อมแซมจะช่วยให้หมอนรองกระดูกข้อเข่ากลับมาทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ลดอาการปวด และป้องกันการเกิดปัญหาข้อเข่าเสื่อมในระยะยาว  
ฉีดเกล็ดเลือดรักษาข้อเข่า (PRP)

ฉีดเกล็ดเลือดรักษาข้อเข่า (PRP)

  การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) เป็นการรักษาข้อเข่าผู้ป่วยที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อมในระยะเริ่มแรก หรือการบาดเจ็บที่ข้อเข่า โดยใช้เกล็ดเลือดจากตัวผู้ป่วยเอง ซึ่งมีความเข้มข้นสูง เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอกลับมาแข็งแรงขึ้น หรือ การบาดเจ็บที่ข้อเข่า
ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า  (Hyaluronic Acid)

ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า (Hyaluronic Acid)

ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมในระยะแรกมักมีอาการข้อเข่าฝืด ใช้งานไม่สะดวก หรือมีอาการปวดและบวมเป็นๆ หายๆ เมื่อพักการใช้งานข้อเข่าจะทุเลา แต่เมื่อใช้งานมากขึ้นอาการปวดจะกลับมา การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับข้อเข่าเสื่อมในระยะแรก โดยช่วยเพิ่มการหล่อลื่นในข้อเข่า ลดการเสียดสีที่ทำให้เกิดอาการปวด    
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก  (Total Hip Arthroplasty)

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก (Total Hip Arthroplasty)

ข้อสะโพกเสื่อม ที่เกิดจากการสึกหรอของกระดูกอ่อนภายในข้อ ที่เกิดจากการใช้งานสะโพกเป็นเวลานาน การบาดเจ็บเรื้อรัง หรือโรคบางชนิด เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวม ถึงปัจจัยด้านอายุ เมื่อข้อสะโพกเสื่อม ผู้ป่วยมักมีอาการปวดบริเวณ ขาหนีบ หรือ ต้นขาด้านหน้า โดยอาการจะรุนแรงขึ้นขณะเคลื่อนไหว ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน  
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกบางส่วน (Hip Hemiarthroplasty)

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกบางส่วน (Hip Hemiarthroplasty)

พฤติกรรมการใช้งานข้อสะโพก เช่น การขึ้นลงบันไดบ่อย ยกของหนัก หรือนั่งยองซ้ำ ๆ ร่วมกับภาวะกระดูกพรุน หรืออุบัติเหตุ ล้วนเป็นตัวเร่งให้ข้อสะโพกเสื่อมได้เร็วขึ้น ในบางกรณีที่มีความเสียหายเฉพาะบางส่วนของข้อสะโพก เช่น กระดูกต้นขาหักใกล้ข้อ หรือข้อสะโพกเสื่อมบางจุด การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกบางส่วน จะช่วยลดอาการปวด และให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น  
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อไหล่เทียมแบบกลับด้าน (Reverse Total Shoulder Arthroplasty)

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อไหล่เทียมแบบกลับด้าน (Reverse Total Shoulder Arthroplasty)

อาการไหล่ติด ยกแขนไม่สุด หรือรู้สึกเจ็บลึก ๆ ภายในหัวไหล่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเอื้อม หวีผม หรือใส่เสื้อผ้า ในบางรายอาการหนักถึงขั้นยกแขนไม่ได้เลย ทั้งที่กล้ามเนื้อแขนยังดูปกติดี ภาวะนี้มักเกิดจาก เส้นเอ็นรอบข้อไหล่ฉีกขาดรุนแรง ร่วมกับ ความเสื่อมของข้อไหล่ ซึ่งอาจมาจากอายุที่มากขึ้น การใช้งานซ้ำ ๆ หรืออุบัติเหตุ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อไหล่เทียมแบบกลับด้าน จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการรักษาและช่วยในการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น  
Icon

ปรึกษาทีมงาน

ผู้เชี่ยวชาญตอนนี้

โทรเลย

Call Icon02-034-0808
โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ | S Spine & Joint Hospital

เลขที่ 2102/9 อาคาร A ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

โทร : 02-034-0808
Facebook IconLine IconTiktok IconYoutube IconInstagram Icon

Copyright © 2025 S Spine and Joint Hospital. All right reserved