แหล่งเสริมแคลเซียม ป้องกันกระดูกพรุน

bg object1bg object2

โรคกระดูกพรุนอาจดูเหมือนเป็นปัญหาของผู้สูงอายุ แต่การป้องกันควรเริ่มตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เพราะความแข็งแรงของกระดูกจะเริ่มเสื่อมถอยลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีการสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว

โรคกระดูกพรุนอาจดูเหมือนเป็นปัญหาของผู้สูงอายุ แต่การป้องกันควรเริ่มตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เพราะความแข็งแรงของกระดูกจะเริ่มเสื่อมถอยลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีการสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว

สถิติน่าตระหนัก

 

  • องค์การอนามัยโลกพบว่า ผู้หญิงทั่วโลกมีภาวะกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ : 4% ในวัย 50-59 ปี, 8% ในวัย 60-69 ปี, 25% ในวัย 70-79 ปี และ 48% ในวัย 80 ปีขึ้นไป 

  • ในประเทศไทย ประชากรอายุ 40-59 ปี ประมาณ 13 ล้านคน มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนสูงขึ้น 

 

 

📚  กระดูกสันหลังพรุน ภัยเงียบ ที่ไม่รู้ตัว 

 

 

อาการของโรคกระดูกพรุน

 

  • ปวดหลัง 

  • กระดูกสันหลังยุบตัว 

  • หลังค่อม 

  • ตัวเตี้ยลง 

  • กระดูกแขนขาเปราะ หักง่ายแม้มีแรงกระแทกเพียงเล็กน้อย 

 

 

ความสำคัญของแคลเซียม 

 

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญสำหรับร่างกาย

 

  • 99% ใช้ในการสร้างกระดูก ฟัน และเล็บ 

  • 1% อยู่ในกระแสเลือด ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ 

 

การขาดแคลเซียมอาจนำไปสู่ภาวะกระดูกพรุนและเปราะ ทำให้กระดูกแตกหักได้ง่าย

 

 

4 แหล่งแคลเซียมชั้นเยี่ยม 

 

นมและผลิตภัณฑ์นม 

 

  • นม 1 กล่อง (250 มิลลิลิตร) ให้แคลเซียม 300 มิลลิกรัม 

 

ปลาและสัตว์เล็กที่กินได้ทั้งกระดูก 

 

  • ปลาซิว ปลาเกล็ดขาว ปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีนกระป๋อง กุ้งฝอย กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะให้แคลเซียมประมาณ 220 มิลลิกรัม 

 

ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ 

 

  • เต้าหู้แข็ง เต้าฮวย 

  • นมถั่วเหลือง 1 แก้ว (200 มิลลิลิตร) ให้แคลเซียม 200-300 มิลลิกรัม 

 

ผักใบเขียวเข้ม 

 

  • ผักโขม: 136 มิลลิกรัม. ต่อ 100 กรัม 

  • ผักคะน้า: 132 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม 

  • บรอกโคลี: 118 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม 

  • กระเจี๊ยบ: 77 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม 

  • ถั่วฝักยาว: 59 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม 

 

การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมเป็นวิธีง่ายๆ ในการป้องกันโรคกระดูกพรุน เริ่มต้นดูแลสุขภาพกระดูกของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

 

image1

ปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย 

 

การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อสุขภาพกระดูกในทุกช่วงวัย ต่อไปนี้คือคำแนะนำปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับในแต่ละช่วงวัย: 

 

วัยทารก 

 

  • แรกเกิด – 6 เดือน: 400 มก.มิลลิกรัม/วัน 

  • 6 เดือน – 1 ปี: 600 มก.มิลลิกรัม/วัน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ฟัน เล็บ และสนับสนุนการเจริญเติบโตของร่างกาย 

 

วัยเด็ก 

 

  • อายุ 1 – 5 ปี: 800 มก.มิลลิกรัม/วัน 

  • อายุ 6 – 10 ปี: 800-1,200 มก.มิลลิกรัม/วัน สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องในช่วงวัยนี้ 

 

วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ 

 

  • อายุ 11 – 55 ปี: 800-1,000 มก.มิลลิกรัม/วัน  

 

 

ข้อควรรู้

 

  • ความหนาแน่นของกระดูกจะเพิ่มสูงสุด (Peak bone mass Bone Mass) ในช่วงอายุ 30-35 ปี 

  • 90% ของมวลกระดูกสะสมในช่วงก่อนวัยรุ่น 

  • ผู้ชายมี Peak bone massBone Mass สูงกว่าผู้หญิงประมาณ 15-20% 

  • หลังจากนั้น มวลกระดูกจะลดลงช้าๆ ประมาณ 0.5-1% ต่อปี 

  • ผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป: 1,000-1,500 มก.มิลลิกรัม/วัน 

 

 

ข้อควรระวัง

 

  • การร่างกายดูดซึมแคลเซียมลดลงและไม่มีการสะสมแคลเซียม 

  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนอาจสูญเสียมวลกระดูกถึง 3-6% ต่อปี 

 

 

 

แผลเล็ก เสียเลือดน้อย

ไม่ต้องผ่าตัดแบบเปิดใช้เข็มขนาดเล็ก 1 มิลลิเมตร เจาะเข้าสู่บริเวณที่มีปัญหาทำให้แผลมีขนาดเล็กมาก เสียเลือดน้อย

Call Icon02-034-0808

 

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สงสัยว่ามีภาวะกระดูกพรุน 

 

หากมีอาการปวดหลังและสงสัยว่ากระดูกสันหลังอาจยุบตัวจากภาวะกระดูกพรุน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยอาจใช้การตรวจ X-ray ร่วมกับ MRI เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ 

 

ท่านสามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ที่ โรงพยาบาล เอส  เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง 

 

 

ข้อมูลอ้างอิง 

 

นพ.ศรัณย์ จินดาหรา แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง 

อ่านเพิ่มเติม

Share Iconแชร์
Facebook Icon
Line Icon

บริการที่เกี่ยวข้อง

ตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก (Bone Mineral Density : BMD)

ตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก (Bone Mineral Density : BMD)

ภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุน มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อกระดูกอ่อนแอลง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อกระดูกแตกหักได้ง่าย  แม้เพียงแรงกระแทกเล็กน้อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ขาดแคลเซียม ใช้ยาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง หรือ มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ การตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก (BMD) จึงเป็นวิธีที่ช่วยประเมินสุขภาพของกระดูก คัดกรองภาวะกระดูกพรุน กระดูกเปราะ ทรุด หรือ แตกหักตั้งแต่ระยะแรก โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก และข้อกระดูกอื่น ๆ  
ลดการสลายของกระดูก

ลดการสลายของกระดูก

กลุ่มยาที่ทำหน้าที่ ชะลอ หรือ ลดการสลายของกระดูก โดยจะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์สลายกระดูก (Osteoclast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายเนื้อกระดูกตามธรรมชาติ เมื่ออายุมากขึ้น หรือในภาวะที่ร่างกายมีการสูญเสียฮอร์โมนบางชนิด ส่งผลให้มวลกระดูกลดลงอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่โรคกระดูกพรุน    
กระตุ้นการสร้างกระดูก (Anabolic agents)

กระตุ้นการสร้างกระดูก (Anabolic agents)

เป็นกลุ่มยาที่ช่วย “กระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่” โดยจะออกฤทธิ์กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) ให้ทำงานมากขึ้น ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและฟื้นฟูเนื้อกระดูกที่สูญเสียไป โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกพรุนขั้นรุนแรง หรือผู้ที่มีความเสี่ยงกระดูกหักสูงจากการล้มเพียงเล็กน้อย หรือเคยเกิดกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมาก่อนยากลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก แต่ยังสามารถช่วยให้กระดูกที่ถูกทำลายจากภาวะพรุนฟื้นตัวกลับมาทำหน้าที่ได้ดีขึ้นอีกด้วย   
Icon

ปรึกษาทีมงาน

ผู้เชี่ยวชาญตอนนี้

โทรเลย

Call Icon02-034-0808
โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ | S Spine & Joint Hospital

เลขที่ 2102/9 อาคาร A ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

โทร : 02-034-0808
Facebook IconLine IconTiktok IconYoutube IconInstagram Icon

Copyright © 2025 S Spine and Joint Hospital. All right reserved