กระดูกสันหลังพรุน ภัยเงียบ ที่ไม่รู้ตัว

bg object1bg object2

ภาวะโรคกระดูกสันหลังที่เกิดจากกระดูกพรุน ถือว่าเป็นภัยเงียบ อย่างหนึ่งที่ไม่ได้มีอาการที่เด่นชัด จะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

ภาวะโรคกระดูกสันหลังที่เกิดจากกระดูกพรุน ถือว่าเป็นภัยเงียบ อย่างหนึ่งที่ไม่ได้มีอาการที่เด่นชัด จะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

เช่น ลื่นล้มจนทำให้เกิดกระดูกสันหลังหัก ทำให้มีอาการปวดรุนแรง บางรายกระดูกสันหลังพรุนจนทรุดตัวเป็นเหตุให้หลังค่อม หรือคด ทำให้ร่างกายเสียสมดุลขณะเดิน และมีอาการปวดหลังเรื้อรังได

 

 

ใครบ้างที่เสี่ยง? 

 

จากสถิติขององค์การอนามัยโลก พบว่า ผู้หญิงทั่วโลกที่มีภาวะกระดูกพรุนร้อยละ 4 ในกลุ่มอายุ 50-59 ปี และเพิ่มขึ้นเป็น 8% , 25% และ 48% ในกลุ่มอายุ 60-69, 70-79 และมากกว่า 80 ปี ตามลำดับ 

 

ขณะที่มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในปี 2553 คนไทยมากกว่า 1 ล้านคน อายุประมาณ 70-80 ปี พบว่ามีภาวะกระดูกพรุน และประมาณ 25 % หรือ 1 ใน 4 ของประเทศ 

 

  

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกสันหลังพรุน 

 

สามารถแบ่งได้ 3 ปัจจัย 

 

1. พันธุกรรม 

ในครอบครัวที่พ่อหรือแม่ เป็นภาวะกระดูกพรุนและกระดูกหัก ลูกจะมีโอกาสเป็นภาวะกระดูกพรุนและเสี่ยงกระดูกหักเพิ่มขึ้น 

 

2. การใช้ชีวิตที่มีผลต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุน 

 

    • การใช้ยา 

ยาบางชนิดเมื่อใช้เป็นระยะเวลานานอาจส่งผลให้มวลกระดูกบางลง เช่น กลุ่มยาสเตียรอยด์ ,กลุ่มยาฮอร์โมนบางประเภท ,ยาป้องกันการชัก เป็นต้น 

 

    • การขาดสารอาหาร 

การขาดสารอาหารประเภทแคลเซียม และวิตามินดี มีผลทำให้กระดูกอาจหยุดการเจริญเติบโต และมีการสร้างมวลกระดูกที่ลดลง 

 

    • เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 

การดื่มเหล้า เบียร์ หรือแม้แต่ไวน์ในปริมาณมากกว่า 3 แก้ว/วัน มีโอกาสเป็นภาวะกระดูกพรุนเร็วขึ้น 

 

    • การสูบบุหรี่

สารนิโคตินที่อยู่ในบุหรี่เป็นตัวทำลายเซลล์สร้างมวลกระดูกทำให้กระดูกบางลง หากสูบบุหรี่มากกว่า 20 ม้วนต่อวัน เสี่ยงทำให้กระดูกหักสูงขึ้น 1.5 เท่าของคนไม่สูบบุหรี่ 

 

3. อายุ 

ด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์ที่สร้างกระดูกมีจำนวนลดลง ทำให้อัตราการสูญเสียมวลกระดูกเพิ่มมากขึ้น 

 

 

ภาวะกระดูกพรุนกระทบต่อกระดูกสันหลังอย่างไร? 

 

1. แนวกระดูกสันหลังผิดรูป เช่น หลังค่อม หรือกระดูกสันหลังคด ทำให้ร่างกายเสียสมดุล 

2. กระดูกสันหลังหัก หรือยุบตัว บางรายอาจเกิดการกดทับต่อเส้นประสาทไขสันหลังร่วมด้วย 

 

  

 

การวินิจฉัย 

 

ในกรณีที่สงสัยว่ากระดูกสันหลังเกิดการยุบตัว การทำ x-ray แบบเคลื่อนไหว (motion view) ร่วมกับ MRI จะช่วยให้การวินิจฉัยกับภาวะผิดปกตินี้ได้ 

 

📚  ถ้าเกิดปวดหลัง….ต้องทำ X-RAY หรือ MRI ? 

 

  

 

การรักษา 

 

แนวทางการรักษาผู้ป่วยที่ตรวจพบว่าเป็นภาวะกระดูกสันหลังพรุนแบ่งออกได้ 2 แบบ 

 

การรักษาทางยา 

ในปัจจุบันการใช้ยาในการรักษาภาวะกระดูกพรุน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ตามการออกฤทธิ์ ต่อสมดุลย์ของกระดูกคือ 

1.กลุ่มยายับยั้งการสลายกระดูก (Anti-resorptive agents) 

2.กลุ่มยากระตุ้นการสร้างกระดูก (Bone forming agents) 

3.กลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ทั้งยับยั้งการสะลายและกระตุ้นการสร้างกระดูก (Dual action agents) 

 

การรักษาโดยการผ่าตัด 

ถ้าหากกระดูกสันหลังเกิดการแตก หัก ทรุด หรือยุบตัว จากภาวะกระดูกพรุน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวด และแนวกระดูกสันหลังไม่ค่อมจนผิดรูป การฉีดซีเมนต์ก็จะเป็นผ่าตัดที่มีความเสี่ยงน้อยให้ผลการรักษาที่ดี และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติได้เร็วขึ้น 

 

📚  ซีเมนต์รักษากระดูกหัก…จบในวันเดียว 

 

 

ลดความเสี่ยง…เกิดภาวะกระดูกพรุน 

 

1. การฉีดโปรเลีย เป็นกลุ่มยาที่ช่วยลดการสลายของมวลกระดูก โดยปกติจะฉีดทุกๆ 6 เดือนเพื่อลดอัตราเสี่ยงกระดูกหักได้ โดยเฉพาะบริเวณสะโพก  และกระดูกสันหลัง สามารถใช้ได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะไตเสื่อมได้ 

 

2. รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีที่เพียงพอ ซึ่งเป็นสารอาหารหลักที่สำคัญต่อการสร้างกระดูก ร่วมกับรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมทั้งจากพืชและสัตว์เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อป้องกันการหกล้ม 

 

3. รับแดดอ่อนๆ ในตอนเช้าและตอนเย็น อย่างน้อยวันละ 15 นาที ให้ร่างกายโดนแดดเพียง 15% เนื่องจากแสงแดดจะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามิน D ได้จากธรรมชาติ วิตามิน D จะช่วยให้แคลเซียมจากอาหารที่เรากินเข้าไปหรือจากอาหารเสริมที่เรากินเข้าไปดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีขึ้น 

 

4. การออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย การออกกำลังกายที่จะช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้ ก็ต้องเป็นการออกกำลังกายที่มีน้ำหนักลงบริเวณข้อต่อต่าง ๆ เช่น การเดินเร็ว ๆ การวิ่งเหยาะ ๆ หรือการเต้นแอโรบิกสำหรับผู้สูงอายุจะช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้ ทำให้มวลกระดูกแข็งแรงขึ้น การออกกำลังกายยังช่วยให้กำลังกล้ามเนื้อมีสมรรถภาพที่ดี เพื่อช่วยป้องกันการพลัดตกหกล้มได้อีกทางหนึ่ง 

แผลเล็ก เสียเลือดน้อย

ไม่ต้องผ่าตัดแบบเปิดใช้เข็มขนาดเล็ก 1 มิลลิเมตร เจาะเข้าสู่บริเวณที่มีปัญหาทำให้แผลมีขนาดเล็กมาก เสียเลือดน้อย

Call Icon02-034-0808

อ่านเพิ่มเติม

Share Iconแชร์
Facebook Icon
Line Icon

บริการที่เกี่ยวข้อง

ตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก (Bone Mineral Density : BMD)

ตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก (Bone Mineral Density : BMD)

ภาวะกระดูกบางหรือกระดูกพรุน มักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อกระดูกอ่อนแอลง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อกระดูกแตกหักได้ง่าย  แม้เพียงแรงกระแทกเล็กน้อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ขาดแคลเซียม ใช้ยาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง หรือ มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ การตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก (BMD) จึงเป็นวิธีที่ช่วยประเมินสุขภาพของกระดูก คัดกรองภาวะกระดูกพรุน กระดูกเปราะ ทรุด หรือ แตกหักตั้งแต่ระยะแรก โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก และข้อกระดูกอื่น ๆ  
ลดการสลายของกระดูก

ลดการสลายของกระดูก

กลุ่มยาที่ทำหน้าที่ ชะลอ หรือ ลดการสลายของกระดูก โดยจะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์สลายกระดูก (Osteoclast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายเนื้อกระดูกตามธรรมชาติ เมื่ออายุมากขึ้น หรือในภาวะที่ร่างกายมีการสูญเสียฮอร์โมนบางชนิด ส่งผลให้มวลกระดูกลดลงอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่โรคกระดูกพรุน    
กระตุ้นการสร้างกระดูก (Anabolic agents)

กระตุ้นการสร้างกระดูก (Anabolic agents)

เป็นกลุ่มยาที่ช่วย “กระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่” โดยจะออกฤทธิ์กระตุ้นเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) ให้ทำงานมากขึ้น ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและฟื้นฟูเนื้อกระดูกที่สูญเสียไป โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกพรุนขั้นรุนแรง หรือผู้ที่มีความเสี่ยงกระดูกหักสูงจากการล้มเพียงเล็กน้อย หรือเคยเกิดกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมาก่อนยากลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก แต่ยังสามารถช่วยให้กระดูกที่ถูกทำลายจากภาวะพรุนฟื้นตัวกลับมาทำหน้าที่ได้ดีขึ้นอีกด้วย   
Icon

ปรึกษาทีมงาน

ผู้เชี่ยวชาญตอนนี้

โทรเลย

Call Icon02-034-0808
โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ | S Spine & Joint Hospital

เลขที่ 2102/9 อาคาร A ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

โทร : 02-034-0808
Facebook IconLine IconTiktok IconYoutube IconInstagram Icon

Copyright © 2025 S Spine and Joint Hospital. All right reserved