“ดีใจสุดๆ อ้าวว!! เเม่เดินได้เเล้วเหรอ” คุณพยอม กับการรักษาหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ที่โรงพยาบาล

เคสที่ซับซ้อนแต่กลับหายได้ 

“คุณพยอม” หนึ่งในคนไข้ที่เป็นเคสซับซ้อนและมีอายุมาก ที่เข้ารับการรักษาอาการปวดหลังร้าวลงขา และอาการปวดคอร้าวลงแขน พร้อมกันทั้ง 2 จุด จนอาการกลับมาดีขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานเหมือนเคย 

จุดเริ่มต้นของอาการ ปวดหลังร้าวลงขา 

"คุณพยอม" เล่าประสบการณ์ที่ยังจดจำไม่เคยลืมกับอาการ ปวดหลังร้าวลงขา ที่เริ่มจากการนั่งทำขนมในท่าเดิมนานๆ ติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่ได้ลุกไปไหน เมื่อลุกขึ้นยืนก็มีอาการ ปวดหลังร้าวลงขา  จากนั้นไม่นานก็เริ่มเดินขาลากเหมือนขาไม่มีแรง และใส่รองเท้าเองไม่ได้ เวลาจะเดินไปไหนก็ต้องเดินลากขาตลอดเวลา ถึงขั้นต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันซึ่งลำบากมาก 

ความทรมานที่ยาวนาน 

เมื่อลูกสาวเห็นอาการผิดปกติของคุณแม่ จึงรีบพาไปพบแพทย์ใกล้บ้าน และได้ยามากิน เนื่องจากหมอบอกว่าเป็นแค่ “เส้นเอ็นและกล้ามเนื้ออักเสบ” เท่านั้น เมื่ออาการไม่ดีขึ้นจึงพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ครั้งนี้แพทย์ให้ X-ray จึงได้รู้ว่าคุณแม่เป็น หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท  

โดยหมอให้ยามาทานอีก 1 เดือนและบอกว่า “หากอาการไม่ดีขึ้นต้องผ่าตัดนะ” ในครั้งนั้นทำให้เธอและคุณแม่รู้สึกตกใจมาก แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะผ่าตัดทันที และได้ลองทานยาก่อน ซึ่งอาการ ปวดหลังร้าวลงขา ก็ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย 

📚 นั่งท่าไหน อันตรายต่อกระดูกสันหลัง

📚 หมอนรองกระดูกปลิ้นคือ?

📚 การผ่าตัดกระดูกสันหลัง เรื่องใกล้ตัว ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

เริ่มหาทางเลือกการรักษาใหม่ 

ลูกสาวของคุณพะยอม เล่าว่า ช่วงที่คุณแม่ทานยาอยู่นั้น ก็รู้สึกสงสารที่เห็นแม่ต้องทุกข์ทรมานกับอาการปวด จึงเริ่มหาข้อมูลการรักษาที่ดีที่สุดให้กับคุณแม่ เพราะไม่อยากเห็นคุณแม่ต้องทนปวดแบบนี้อีกต่อไป  

และได้พบคลิปที่แชร์การรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังด้วยเลเซอร์  และการผ่าตัดส่องกล้อง ของโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ จากความรู้สึกที่เคยสิ้นหวังกลับมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อีกครั้ง   

 ตรวจพบปัญหาที่คอเพิ่มเติม 

เมื่อใกล้วันนัดพบแพทย์ เธอพบว่าบริเวณคอของคุณแม่มีอาการแปลกๆ ลักษณะคล้ายคนนอนตกหมอน นวดเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ซ้ำร้ายอาการกลับแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อถึงวันนัดพบแพทย์ คุณพยอมและลูกสาวได้เล่าอาการที่ ปวดหลังร้าวลงขา และ ปวดคอร้าวลงแขน ให้แพทย์ฟังอย่างละเอียด ซึ่งแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายและส่งไปทำ X-ray อีกครั้ง พร้อมตรวจ MRI เพิ่มเติมทั้งบริเวณหลังและคอ 

การรักษาที่เป็นไปได้: ผ่าตัดส่องกล้อง และ เลเซอร์ 

ผลการตรวจออกมาพบว่า มีพังผืดเกาะอยู่ที่บริเวณคอด้วย หากปล่อยทิ้งไว้คงจะไม่ดีแน่ คุณหมอให้ข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดและครบถ้วน   ลูกสาวและคุณแม่จึงตัดสินใจร่วมกันว่า “ตกลงเราทำที่นี่ดีกว่า เพราะเป็นการ ผ่าตัด แบบแผลเล็ก จึงไม่ได้คิดไปหาที่อื่นเพิ่มเติม” 

📚 MRI แบบยืน ค้นหาสาเหตุของคนปวดหลัง

📚 ผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคหมอนรองกระดูกตีบตัน ด้วยเทคนิค PSLD 

📚 ลดความเจ็บปวด ด้วยเทคโนโลยี “เลเซอร์”

ความสุขของคนเป็นลูก เมื่อเห็น "แม่กลับมาเดินได้อีกครั้ง" 

หลังจากการผ่าตัดของคุณพยอม อาการปวดที่เป็นมาอย่างยาวนานหายไปเลย และเผลอลุกเข้าห้องน้ำแบบไม่รู้ตัว ลูกสาวที่นอนเฝ้าจึงรู้สึกตกใจ “อ้าวว!! เเม่เดินได้เเล้วเหรอ” โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่ารู้สึกดีใจที่คุณแม่หายจากความเจ็บปวดนี้ ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกแล้ว 

ซึ่งคุณพยอมก็รู้สึกดีใจ บอกว่า “ได้ชีวิตเดิมกลับคืนมา ตอนนี้สบาย ไม่ชา ไม่เจ็บแล้ว ตรงคอและไหล่ก็ไม่ปวดแล้ว หายเป็นปกติเพียงชั่วข้ามคืน” 

 ความสุขหลังการ ผ่าตัด 

หลังจากการ ผ่าตัดส่องกล้อง และเลเซอร์  อาการที่เคย ปวดหลังร้าวลงขา และ ปวดคอร้าวลงแขน ที่เป็นมานานหายไปเลย คุณพยอมเริ่มลุกเดินได้เอง และไม่รู้สึก ปวด อีกต่อไป ลูกสาวที่นอนเฝ้าอยู่ถึงกับตกใจ "อ้าวว!! แม่เดินได้แล้วเหรอ?"  

โดยคุณพยอมกล่าวว่า “ได้ชีวิตเดิมกลับคืนมา ตอนนี้สบาย ไม่ชา ไม่เจ็บแล้ว ตรงคอและไหล่ก็ไม่ปวดแล้ว หายเป็นปกติเพียงชั่วข้ามคืน” 

ค่ารักษาที่คุ้มค่า 

ลูกสาวของคุณพะยอม กล่าวด้วยแววตาแห่งความสุขและดีใจว่า “ราคาและการ รักษา ที่ให้แม่หาย ปวด แบบนี้ รู้สึกคุ้มค่าที่แม่สามารถกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ถ้าเราไปรักษาแบบเดิม ราคาอาจจะถูกกว่า หรือใกล้เคียงกัน แต่ผลการ รักษา อาจต้องพักฟื้น 1 เดือนที่โรงพยาบาล กลับบ้านไปอีก 5-6 เดือน ทำกายภาพทุกเดือน แต่ที่นี่เพียงชั่วข้ามคืนก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้แล้ว” 

โรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวของคุณพะยอม พ้นทุกข์จากความเจ็บปวด และคืนช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับคนที่รัก ขอบพระคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้